แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธรรมะ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธรรมะ แสดงบทความทั้งหมด
ไหว้พระทำบุญ 9 วัดไม่ถึงวันก็ทำได้ บริเวณสนามหลวง วันเดียว ครบเลย 9 วัด
ธรรมะ :วัดที่ไหว้ล้วนมีชื่อเป็นมงคลต่อชีวิต ไหว้พระทำบุญ 9 วัดไม่ถึงวันก็ทำได้ บริเวณสนามหลวง วันเดียว ครบเลย 9 วัด

1.  เจ้าพ่อหลักเมือง ไหว้หลักเมือง ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี
2.  วัดพระแก้วมรกต ชื่อเต็มวัดพระศรีรัตนศาสตราราม “ไหว้พระแก้วมรกตให้มีแก้ว แหวนเงินทอง”
3.  วัดพระเชตุพน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร  วัดโพธิ์ ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ "อยู่ดีกินดีตลอดปี"  
บาปกรรมเรื่องความรักมีจริงหรือไม่
ธรรมะ :บาปกรรมเรื่องความรักมีจริงหรือไม่

ผมเคยมีแฟนคนหนึ่งสมัยตอนอายุ 21 คบกันมา 3 ปี ช่วงเวลาที่เพ่งรู้จักกันแอบเคยมีอะไรกะคนอื่นครั้งหนึ่ง และต่อไปผมก็แอบไปชอบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นคนรักเก่า ทำให้ผมหวั่นไหวเลยเลิกกับคนนี้เผื่อไปคบคนใหม่ หลังจากคบกันเวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี ซึ่งแฟนคนนี้จะระแวงและพูดแหขก ผมตลอดว่าจะกลับไปหาคนเก่า จะมีคนอื่น ซึ่งผมก็ไม่เคยมีเลยแม้แต่จะคุยกะพูดผู้คนอื่นก็ไม่มี
ทำไมต้องเดินจงกรม แล้วเราเดินจงกรม เพื่ออะไร มาหาคำตอบกัน
ธรรมะ :ทำไมต้องเดินจงกรม แล้วเราเดินจงกรม เพื่ออะไร มาหาคำตอบกัน
ทำไมต้องเดินจงกรม แล้วเราเดินจงกรม เพื่ออะไร มาหาคำตอบกัน
ทำไมต้องเดินจงกรม แล้วเราเดินจงกรม เพื่ออะไร มาหาคำตอบกัน

ปุจฉา ทำไมต้องเดินจงกรม แล้วเราเดินจงกรม เพื่ออะไร มาหาคำตอบกัน

กราบเรียนถาม ว่าเข้าใจถูกหรือไม่คะ การเดินจงกรม เป็นการเดินเพื่อความรู้สึกตัว รู้ตัวเมื่อยกเท้าก้าวเดิน รู้เท้าซ้ายขวา รู้เท้ากระทบ เย็นร้อนอ่อนแข็งของพื้น หากใจส่ายแส่ ให้รู้ว่าส่ายแส่ และกลับมารู้ตัว ก้าวเดิน กระทบ ต่อ เป็นการเจริญสติ เพื่อความรู้ตัว
เมื่อคล่องแคล่วแล้ว ผลประโยชน์ คือ เมื่ออยู่ในชีวิตประจำวัน จะได้รู้ตัว มีสติ กับสิ่งมากระทบ ทั้ง 5 ทวาร

รู้เมื่อ โลภ โกรธ หลง มีมานะ มีทิฎฐิ เมื่อรู้สึกตัว ศีล ก็จะคุมไม่ให้กระทำผิดศีล ทั้งหมดนี้เป็นจุดประสงค์ของการเดินจงกรม ที่โยม เข้าใจถูกหรือไม่เจ้าคะ

ส่วนการนั่งสมาธิ เพื่อให้จิตใจอยู่ในอารมณ์เดียว เพื่อให้จิตมีพลังแข็งแรง จิตจะมีพลังไม่อ่อนไหว ไม่ตามกิเลส ที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะ กราบพระอจ. ตอบเพื่อความมั่นใจ และจะได้ดำเนินได้ถูกทาง กราบขอบพระคุณค่ะ กฤษณีพร



วิสัชนา

การเดินจงกรมนั้นมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปสุดแท้แต่วิธีเดินและการวางใจขณะเดิน จะทำให้จิตเป็นสมาธิอยู่ในอารมณ์เดียวก็ได้ จะเป็นไปเพื่อการเจริญสติก็ได้

ถ้าเป็นการเดินเพื่อเจริญสติ ก็เพียงแต่รู้ตัวว่ากำลังเดินอยู่ ไม่ถึงกับให้จิตแนบอยู่กับเท้าที่ก้าวเดิน และไม่เก็บรายละเอียดของผัสสะที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่ามีผัสสะทางไหนก็รู้ทัน เช่น ระหว่างที่เดิน เกิดเผลอคิดไป ก็รู้ทันความคิดนั้น

ที่คุณพูดมาเกี่ยวกับการเดินจงกรมนั้นถูกต้องแล้ว อย่างไรก็แต่การเจริญสติและสร้างความรู้สึกตัวนั้นยังอยู่ในการภาวนาที่เรียกว่าอธิจิตสิกขา หรือสมถกรรมฐาน คือ เมื่อมีสติหรือรู้สึกตัว ก็ทำให้ใจสงบ ไม่ถูกรุมเร้าด้วยอารมณ์ที่เป็นอกุศลหรือแส่ส่ายเพราะคิดฟุ้งซ่าน

แต่การเดินจงกรมยังสามารถเป็นวิธีพัฒนาปัญญา เรียกว่าอธิปัญญาสิกขาหรือวิปัสสนากรรมฐานได้ คือ เมื่อมีสติ ใจเป็นกลาง อยู่กับปัจจุบัน ก็สามารถเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง เห็นว่า ที่เดินนั้น คือรูป ที่คิดนั้นเป็นนาม ไม่ใช่ “ฉัน” เดิน หรือ “ฉัน” คิด การเห็นความจริงเช่นนี้จะช่วยลดการปรุงแต่งว่ามี “ตัวกู” หรือลดความยึดติดถือมั่นในตัวตนได้

ในทำนองเดียวกัน การนั่งสมาธิ หรือภาวนาในอิริยาบถนั่ง ก็สามารถใช้เพื่อทำให้ใจสงบ เป็นสมถกรรมฐาน หรือทำให้ใจสว่าง เกิดปัญญา เป็นวิปัสสนากรรมฐานก็ได้ สุดแท้แต่ว่าจะวางใจอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับการเดินจงกรม
หลักธรรม ความสอดคล้องของหลักธรรมของศาสนา
ธรรมะ :
หลักธรรม ความสอดคล้องของหลักธรรมของศาสนา
หลักธรรม ความสอดคล้องของหลักธรรมของศาสนา
หลักธรรม ความสอดคล้องของหลักธรรมของศาสนา
ศาสนามีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของบุคคลในสังคม เพราะศาสนาทุกศาสนามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้
ทำความดีละเว้นความชั่ว ศาสนาจึงมีอิทธิพลต่อคนในสังคม
องค์ประกอบของศาสนา
1. ศาสดา คือ  ผู้ก่อตั้งศาสนา
2. คัมภีร์  คือ  หลักคำสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยา
3. นักบวช คือ ผู้สืบทอดคำสอน
4. พิธีกรรม คือ การปฏิบัติในการทำพิธีทางศาสนา
5. ศาสนสถาน คือ สถานที่ควรเคารพบูชาและใช้ประกอบพิธีทางศาสนา
**ศาสนาอิสลาม ไม่มีนักบวช แต่มีศาสดา มีคัมภีร์ มีศาสนสถาน และพิธีกรรม นับเป็นศาสนาเช่นกัน**
ปฎิบัติธรรม ธรรมกาย สาขาเขาแก้วเสด็จ
ธรรมะ :“เขาแก้วเสด็จ” ปฎิบัติธรรม ธรรมกาย สาขาเขาแก้วเสด็จ
“เขาแก้วเสด็จ” ปฎิบัติธรรม ธรรมกาย สาขาเขาแก้วเสด็จ
“เขาแก้วเสด็จ” ปฎิบัติธรรม ธรรมกาย สาขาเขาแก้วเสด็จ
ขุนเขาแห่งตำนานและประวัติศาสตร์

คืนพระจันทร์วันเพ็ญลอยดวงเด่นเหนือท้องฟ้า  ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งต่างจ้องมองและสังเกตว่า  มีดวงแก้วดวงหนึ่งส่องรัศมีสว่างไสวดุจดังพระจันทร์วันเพ็ญ ดวงแก้วนั้นเคลื่อนคล้อยลอยมาจากปลายด้านหนึ่งของหุบเขา และลับหายไปในความมืด  เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง  จนชาวบ้านขนานนามภูเขาแห่งนี้ว่า “เขาแก้วเสด็จ”  ขุนเขาแห่งดวงแก้วที่จะเสด็จมาทุกคืนวันเพ็ญ ขุนเขาแห่งตำนานนี้ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของตำบลบ้านนาและตำบลบ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแก่งดินสอที่เชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัด ไล่เรื่อยมาตั้งแต่ จังหวัดนครราชสีมา  นครนายก จนถึง จังหวัดปราจีนบุรี


จุดศูนย์กลางของการแผ่ขยายเผยแผ่วิชา

พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้มีดำริว่าจะขยายวิชชาธรรมกายให้กว้างไกลยิ่งขึ้น  แต่จากสภาพพื้นที่ของวัดพระธรรมกายในสมัยสิบกว่าปีที่แล้วนั้น  ได้มีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นอย่างมากมาย จนทำให้เนื้อที่วัดแน่นขนัด  ไม่สามารถใช้เป็นพื้นที่ฝึกอบรมพระธรรมทายาท ผู้ที่จะออกไปประกาศพระศาสนา ให้อย่างเต็มที่ได้  ดังนั้นท่านจึงมองหาสถานที่สร้างศูนย์ฝึกอบรมธรรมทายาทแห่งใหม่ ที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่  ห่างไกลชุมชนเมือง สงบและวิเวกด้วยป่าเขาและธรรมชาติ  ท่านจึงมอบนโยบายให้พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตฺตชีโว)  รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย  หาสถานที่ดังกล่าวเพื่อเตรียมรองรับพระธรรมทายาทที่จะทวีจำนวนขึ้นในอนาคต

พระภาวนาวิริยคุณ  ท่านจึงได้ปรึกษากับพระมหาดร.สมชาย านวุฑฺโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถึงสถานที่ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมธรรมทายาทที่จะเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอนาคต  ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานั้นคุณมาโนช  ชัยสิทธิ์ได้ปวารณาถวายพื้นที่แห่งนี้  พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒจึงเดินทางมาสำรวจพื้นที่ในครั้งแรก และตกลงใจว่า “เขาแก้วเสด็จ” แห่งนี้ คือ สถานที่ฝึกอบรมพระธรรมทายาทได้อย่างแท้จริง การก่อสร้างและการบุกเบิกจึงได้เริ่มต้นขึ้นนับแต่นั้น
คนที่ตายก่อนอายุขัย แล้วไปอยู่ที่ไหน
ธรรมะ :คนที่ตายก่อนอายุขัย แล้วไปอยู่ที่ไหน
คนที่ตายก่อนอายุขัย แล้วไปอยู่ที่ไหน
คนที่ตายก่อนอายุขัย แล้วไปอยู่ที่ไหน
ถามผู้รู้ในกระทู้นี้ว่าคนที่ตายก่อนอายุขันวิญญานจะไปอยู่ณ.ที่ใด
แล้วคนที่ตายก่อนอายุขันโดยอุบัติเหตุเจ็บป่วยต่างๆกับการฆ่าตัวตายวิญญาณจะอยู่ที่ไหน

สงสัยกันมั้ยเรื่อง คนที่ตายก่อนอายุขัย ?
ธรรมะ :สงสัยกันมั้ยเรื่อง คนที่ตายก่อนอายุขัย ?
สงสัยกันมั้ยเรื่อง คนที่ตายก่อนอายุขัย ?
สงสัยกันมั้ยเรื่อง คนที่ตายก่อนอายุขัย ?
เคยได้ยินได้ฟังเรื่องของหลายๆคนที่ว่า ตายก่อนสิ้นอายุขัย เช่นถูกรถชน ถูกฆ่าตาย ทำให้ไม่ได้ไปเกิด ต้องทุกข์ทรมาน รอรับส่วนบุญที่มีคนแผ่มาให้ จนกว่าจะถึงกำหนดอายุขัยถึงจะมีคนมารับให้ไปเกิด หรือไปที่อื่นๆตามกรรมของตน อยากทราบว่าคนที่ตายก่อนอายุขัยเป็นเพราะอะไร หรือทำกรรมอะไรไว้ แล้วอายุขัยกำหนดจากอะไร เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ยากจะพิสุจน์และอธิบายได้ แต่เผื่อมีผู้รู้สามารถตอบข้อข้องใจได้ หรือข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นอื่นๆ ก็ยินดีและขอบคุณมากค่ะ

รู้อนาคต อนาคตฌาน ฌานรู้อนาคตได้ฝึกไงครับ
ธรรมะ :อยาก รู้ อนาคต รู้ ล่วงหน้า กระจก หมอดู รู้ อนาคต อยาก รู้ อนาคต ของ ตัว เอง การ รู้ อนาคตวิธี รู้ อนาคต
พอดีผมสนใจ ฌานเห็นอนาคตฝึกไงครับ บอกทีหาของหลวงพ่อท่านไม่เจออ่าครับ ถ้าจะดีฌานในปัจจุบันเช่น คือการดูว่าคนทําอะไรอยู่ตอนนี้ทําไงครับ
ธรรมะ คำพ่อสอน พระบรมราโชวาทของในหลวง – คำสอนของพ่อ
ธรรมะ :
พระบรมราโชวาทของในหลวง – คำสอนของพ่อ


ความดี 

การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ 

เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ 

และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ซโดยไม่ทันรู้สึกตัว 

แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง 

ในการสร้างเสริมและสะสมความดี 
ธรรมะ คำสอนท่านพุทธทาสภิกขุ
ธรรมะ :

ธรรมะ คำสอนท่านพุทธทาสภิกขุ
สังคมไทย “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ”
ธรรมะ :


สังคมไทย “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่ชาวพุทธ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าคนไทยนับถือพุทธศาสนากันอย่างไรจึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก เหตุใดการนับถือพุทธศาสนาจึงไม่ช่วยให้คนไทยมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก การทำบุญไม่ช่วยให้คนไทยมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือ

 หากสังเกตจะพบว่าการทำบุญของคนไทยมักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่ เรากลับละเลยกันมาก - พระไพศาล วิสาโล
การให้นั้นไม่เคยสูญเปล่า
ธรรมะ :

  การให้นั้นไม่เคยสูญเปล่า
 ย่อมส่งผลกลับมาที่ผู้ให้
 แต่สิ่งที่ย้อนกลับมานั้น
 ไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุเสมอไป

 ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือความสุข
 และความรู้สึกว่าจิตใจได้รับการเติมเต็ม

 ใครที่มีประสบการณ์แบบนี้
 จะรู้สึกว่าชีวิตของตนนั้น
 มีคุณค่า มีความหมาย

 พระไพศาล วิสาโล
มโนมยิทธิ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ธรรมะ :


@--- เจโตปริยญาณ ---@

เจโตปริยญาณ คือ ทิพจักขุญาณ นั่นเอง รู้วาระน้ำจิตของคนอื่น ดูกระแสจิตเขาสุขหรือเขาทุกข์ เขาสะอาดหรือเขาสกปรก อันนี้เรารู้ได้อีกเหมือนกัน แต่ว่าต้องพยายามฝึกดูจิตของตนให้เข้าใจชัด

~ ~ ดูจิต มีกิเลส หรือไม่มีกิเลส สกปรกมากหรือน้อย ~ ~

จิตของปุถุชน คนที่หนาแน่นไปด้วยกิเลส ก็เป็นจิตที่มีสีเนื้อ เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก ไม่สะอาดไม่ผ่องใส

 จิตของคนที่ได้ปฐมฌาน จะมีอาการเหมือนแก้วเคลือบ ปฐมฌานละเอียด เป็นเนื้อแก้วลึกลงไปประมาณสัก ๒๕ เปอร์เซ็นต์
 จิตของคนที่ได้ ฌาน ๒ จะเป็นแก้วลึกลงไป ประมาณ ๕๐ เปอร์เซ็นต์
 จิตของคนที่ได้ ฌาน ๓ ละเอียด จะเป็นแก้วทั้งดวง มีแกนเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง
 จิตของคนที่ได้ ฌาน ๔ จะเป็นแก้วทั้งดวงสะอาดมาก แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีประกาย

 แต่จิตของพระโสดาบัน จะเป็นประกายออกไปประมาณ ๒๕ เปอร์เซ็นต์
(นี่เราฝึกดูจิต)
จิตของพระสกิทาคามี จะเป็นประกายเข้าไปประมาณ ๕๐ เปอร์เซ็นต์
 จิตของพระอนาคามี จะเป็นประกายทั้งดวงจะมีแกนข้างใน
 ถ้าจิตของพระอรหันต์ จะเป็นดาวทั้งดวงไม่มีแกนเลย

 อันนี้เป็นสภาพของ การดูจิต ที่มีกิเลสหรือไม่มีกิเลส สกปรกมากหรือสกปรกน้อย ฉะนั้น พอได้ยินชื่อคน หรือว่ารู้เรื่องราวของคน เห็นหน้าคนให้ดูจิตก่อน อย่าไปดูหน้าดูตา ฟังเสียง อันนี้ไม่แน่นอน คนมีกิเลสอย่างพวกเรา ๆ โกหกได้ แต่ว่าจิตของคนโกหกไม่ได้


~ ~ ดูความสุขความทุกข์ของจิต ~ ~
ความจริงท่านแยกไว้เป็น ๖ ผมขอย่อเป็น ๓

 คนมีทุกข์มาก จิตสีดำมาก มีทุกข์น้อย จิตสีดำน้อย จางลงไป
 ถ้าคนมีความสุขเพราะอามิสมาก จิตจะมีสีแดงมาก หากคนที่มีความสุขจากอามิสน้อย จิตมีสีแดงน้อย
 แต่คนมีจิตสบาย ๆ ไม่กระทบกระทั่งกับอารมณ์ดีหรือไม่ดี จิตเป็นสุขมีจิตสีขาว
 อันนี้เป็นจิตของปุถุชนคนธรรมดา

 ก็เป็นที่น่าสังเกต เจโตปริยญาณ นี้ก็น่าจะฝึกฝนกันเข้าไว้ เป็นการดูจิตของเราเองว่า สกปรกมาก หรือสกปรกน้อย ถ้าสกปรกมากพยายามแก้ไขให้สกปรกน้อย จะได้ไม่มีความประมาทในการประพฤติปฏิบัติ ถ้าไม่อย่างนั้น เข้าใจว่าตัวดีไว้เสมอ อันนี้ใช้ไม่ได้

 ความรู้ทั้งหมดนี่ผมพูดตามแนวแห่งการศึกษาตามหนังสือ แต่วิธีการปฏิบัติจริง ๆ ให้ถามพระพุทธเจ้าตรง

 ถ้าจะถามว่า พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว พบได้อย่างไร อันนี้ต้องทำก่อน อย่าไปพูดกับคนที่เขาไม่เคยทำอะไรเลย คนที่ไม่เคยปฏิบัติ ไม่เคยทำอะไรเลย จิตเข้าไม่ถึง

 ก็เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักน้ำปลาและสุรา เวลานี้สุราและน้ำปลาสีคล้ายกัน ถ้าเขาเคยดื่มแต่สุรา เราบอกว่า น้ำปลาเค็ม เขาจะไม่เชื่อ เขาเคยกินแต่น้ำปลา ไม่เคยดื่มสุรา ถ้าเราบอกว่า สุรามันเมา ไม่เค็มเหมือนน้ำปลา เขาก็ไม่เชื่อ ถ้าเขาเคยกินทั้งสองอย่าง เขาจะรู้ทั้งสองรส

 นักศึกษาที่ศึกษาแต่หนังสือ ฟังเขาเล่าว่า ไม่พบความจริง อันนี้เราอย่าไปเถียงกับเขา (คำว่า นักศึกษา นี่ไม่ได้หมายถึง นักศึกษาในมหาวิทยาลัย หมายถึง นักศึกษาฝ่ายธรรมะ)

ผมพบมาเยอะ มีหลายท่านชอบพูดถึงเรื่องนิพพาน สมัยผมเป็นนักเทศน์ เขาจะขอให้เทศน์เรื่องนิพพาน ไล่ไปไล่มา คุยไปคุยมา ถามว่าศีล ๕ ครบหรือยัง เขาบอกว่ายังไม่ครบ อันนี้ถือว่า จิตยังตกอยู่ในเขตของอบายภูมิ ก็คุยกันไม่ได้.

เงื่อนไขของความสุข
ธรรมะ :

เงื่อนไขของความสุข

            สิ่งภายนอก โดยมากถ้าเป็นส่วนที่ดี มีเงินทอง ยศ ชื่อเสียง เป็นต้น ก็เป็นที่ปรารถนาตรงกันของคนเป็นอันมาก จึงต้องมีการแสวงหาแข่งขันกันโดยทางใดทางหนึ่ง เมื่อได้มาก็ให้เกิดความสุขเพราะสมปรารถนาบ้าง  เพราะนำไปเลี้ยงชีพตนและผู้อื่นให้อิ่มหนำสำราญบ้างสิ่งภายนอกย่อมอุดหนุนความสุขฉะนี้  แต่สิ่งภายนอกเป็นของไม่ยั่งยืน แปรเปลี่ยนไปอยู่เสมอ ความสุขที่เกี่ยวเกาะติดอยู่ก็ต้องแปรเปลี่ยนไปตาม  ความทุกข์จึงปรากฏขึ้นติดๆ กันไปทีเดียว  ความสุขเช่นนี้เป็นความสุขที่ลอยไปลอยมา หรือเรียกว่าเป็นความสุขลูกโป่ง และในความแสวงหา ถ้าไม่ได้ หรือได้สิ่งที่ไม่ชอบ ก็ให้เกิดความทุกข์  เพราะไม่สมปรารถนา  อนึ่ง  ถ้าได้สิ่งนั้นๆ มาด้วยการกระทำที่ไม่ดี  การกระทำนั้นก็จักเป็นเครื่องตัดทอนตนเองอีกส่วนหนึ่ง ข้อความที่กล่าวมานี้แสดงว่าสิ่งภายนอกอุดหนุนความสุขสำราญให้บ้าง  แต่จัดเป็นเหตุของความสุขหรือ? ถ้าเป็นเหตุของความสุข ผู้ที่มีสิ่งภายนอกบริบูรณ์จักต้องเป็นสุขทุกคน  แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น  ผู้ที่บริบูรณ์ด้วยสิ่งภายนอกแต่เป็นทุกข์มีถมไป  เพราะเหตุนี้  สิ่งภายนอกจึงมิใช่เป็นตัวหตุของความสุข  เป็นเพียงเครื่องแวดล้อมอุดหนุนความสุขดังกล่าวแล้วเท่านั้น  บัดนี้ยังเหลืออยู่อีกความเห็นหนึ่ง ซึ่งว่าสุขทุกข์เกิดจากเหตุภายใน

อันสิ่งภายนอก มีเงินทอง ยศ ชื่อเสียง เป็นต้น อันเป็นอุปกรณ์แก่ความสุข  เมื่อคิดดูให้ซึ้งลงไป  จักเห็นว่าเกิดจากการกระทำของตนเอง  ถ้าตนเองอยู่เฉยๆ ไม่ทำการงานอันเป็นเหตุที่เพิ่มพูนสิ่งภายนอกเหล่านั้น  สิ่งภายนอกนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น  ที่มีอยู่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนไป  ถ้าไม่มีใหม่มาชดเชยก็จักต้องหมดไปในที่สุด เพราะเหตุฉะนี้จึงกล่าวได้ว่าสิ่งภายนอกที่เป็นอุปกรณ์แก่ความสุขนั้น  ก็เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนเอง

ในทางธรรม การประกอบอาชีพ มีกสิกรรม พาณิชยกรรม  เป็นต้น ไปตามธรรมดาไม่เรียกเป็นการงานที่ดีหรือชั่ว  แม้ชาวโลกก็ไม่เรียกผู้ประกอบการอาชีพไปตามธรรมดาว่าเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว  แต่หากว่ามีการทำอย่างอื่นพิเศษออกไป  ถ้าต้องด้วยเนติอันงามก็เรียกกันว่าดี  ถ้าไม่ต้องด้วยเนติอันงามก็เรียกกันว่าเลว  ไม่ดี  เพราะเหตุฉะนั้น  ผู้ปรารถนาสุขเบื้องต้นจึงสมควรหมั่นประกอบการงานหาเลี้ยงชีพตามทางของตน  โดยไม่ตัดรอนกันไม่เฉื่อยชา  เกียจคร้าน  และแก้ไขในการงานของตนให้ดีขึ้น  ก็จักไม่ต้องประสบความแร้นแค้นขัดข้อง  ถ้าไม่มหั่นประกอบการงาน  เกียจคร้าน  เฉื่อยชา  และไม่คิดแก้ไขการงานของตนให้ดีขึ้น  ปล่อยไปตามเรื่อง  ก็อาจจักต้องประสบความยากจนข้นแค้น  ต้องอกแห้งเป็นทุกข์และนั่นเป็นความผิดใหญ่ต่อประโยชน์ปัจจุบันของตนเอง

การทำอย่างหนึ่งทางธรรมเรียกว่าดี  เป็นวิถีทางของคนฉลาด  และทางโลกยกย่องนับถือว่าดี  การทำอย่างนี้เรียกว่าสุจริต  แปลว่า ประพฤติดี ประพฤติดีทางกาย เรียกว่ากายสุจริต  ประพฤติทางวาจา เรียกว่าวจีสุจริต  ประพฤติดีทางใจ เรียกว่ามโนสุจริต กายสุจริต จำแนกเป็น 3 คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในทางกามประเวณี  วจีสุจริต จำแนกเป็น 4 คือ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล  มโนสุจริตจำแนกเป็น 3 คือ ไม่เพ็งเล็งทรัพย์สมบัติของผู้อื่นด้วยโลภเจตนา คิดจะเอามาเป็นของของตน ไม่พยาบาทปองร้าย ไม่เห็นผิดจากคลองธรรม มีความเห็นว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น รวม 10 ประการ

ส่วนการกระทำที่ตรงกันข้าม เรียกว่าทุจริต แปลว่า ประพฤติชั่ว ประพฤติชั่วทางกาย เรียกว่า กายทุจริต  ประพฤติชั่วทางวาจา เรียกว่า วจีทุจริต  ประพฤติชั่วทางใจเรียกว่า มโนทุจริต  ทุจริต 3 นี้มีจำแนกตรงกันข้ามกับสุจริต

คำว่า ประพฤติ มักจะพูดมุ่งหมายถึงการกระทำทางกายและวาจา คำว่า ทำ ก็มักพูด หมายถึงการทำทางกาย การทำทางวาจาเรียกว่าพูด การทำทางใจเรียกว่าคิด  ส่วนทางธรรมการทำ พูด คิด เรียกเป็นอย่างเดียวกันว่า ทำ หรือประพฤติ และมีคำว่า กาย วาจา ใจ กำกับ  เพื่อให้รู้ว่าทำหรือประพฤติทางไหน

ทุจริต ทางธรรมเรียกว่าไม่ดี  เป็นวิถีทางของผู้ไม่ฉลาด ทางโลกก็เหยียดหยามว่าเลวไม่ดี  โดยนัยนี้จึงเห็นว่า  ทั้งทางโลกทั้งทางธรรมนับถือสิทธิของผู้อื่น  หรือเรียกว่านับถือขอบเขตแห่งความสงบสุขของผู้อื่น  เพราะสุจริตและทุจริตที่จำแนกไว้อย่างละ 10 ประการนั้น โดยความก็คือไม่ประพฤติละเมิดสิทธิ  หรือไม่เบียดเบียนความสงบสุขของผู้อื่น  และการประพฤติละเมิดสิทธิและความสงบสุขของผู้อื่นนั้นเอง  แต่ทางโลกนับถือสิทธิของบุคคลและสัตว์เดียรัจฉานบางจำพวก  ไม่นับถือบางจำพวก  โดยอาศัยกฎหมายเป็นหลัก  ส่วนทางธรรมนับถือทั่วไป  ไม่มีแบ่งแยกยกเว้น  เพราะทางธรรมละเอียดประณีต

อนึ่ง ทุจริต อยู่เฉยๆ ประพฤติไม่ได้  ต้องประพฤติด้วยความขวนขวายพยายามจนผิดแผกแปลกไปจากปกติ  จึงจัดเป็นทุจริตได้ ส่วนสุจริตประพฤติได้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงประพฤติไปตามปกติของตนนั่นแล  ไมต้องตกแต่งเปลี่ยนแปลงก็เป็นสุจริตได้ เพราะเหตุนี้เมื่อว่าทางความประพฤติ สุจริตจึงประพฤติได้ง่ายกว่า

เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุไรทุจริตจึงเกิดขึ้นได้  ข้อนี้เป็นเพราะยังขาดธรรมะในใจเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง  ความประพฤติจึงเป็นไปตามใจของตนเอง  ผู้รักษาศีลหรือประพฤติสุจริตหรือแม้ประพฤติกฎหมายของบ้านเมือง  ถ้าไม่มีธรรมะอยู่ในใจบ้างแล้ว  ก็มักจะรักษาหรือประพฤติทำนองทนายว่าความ  เพราะการกระทำบางอย่างไม่ผิดศีลตามสิกขาบท  ไม่ผิดสุจริตตามหัวข้อ  แต่ผิดธรรมะมีอยู่  และจะประพฤติหรือรักษาให้ตลอดไปมิได้  เพราะเหตุนี้จึงสมควรมีธรรมะในใจสำหรับประพฤติคู่กันไปกับสุจริต

ธรรมะมีมาก  แต่ในที่นี้จักเลือกแสดงแต่ที่สมควรประพฤติปฏิบัติคู่กันไปกับสุจริตโดยนัยหนึ่งคือ มีความละอายใจในการเบียดเบียน  มีความเอ็นดูขวนขวายอนุเคราะห์สัตว์ทั้งปวงด้วยประโยชน์ คู่กับการไม่ฆ่าสัตว์  มีความโอบอ้อมอารี  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เฉลี่ยความสุขของตนแก่คนที่ควรเฉลี่ยให้ด้วยการบริจาคให้  คู่กับการไม่ลักทรัพย์ มีสันโดษยินดีเฉพาะสามีหรือภริยาของตน  ไม่คิดนอกใจ  สำหรับผู้ที่ยังไม่มีครอบครัว  ก็มีเคารพในธรรมเนียมประเพณีที่ดี  ไม่คิดละเมิด  คู่กับการไม่ประพฤติผิดในทางกามประเวณี  อนึ่ง  มีปากตรงกับใจ ไม่ลดเลี้ยวลับลมคมใน คู่กับไม่พูดปด  พูดชักให้เกิดสามัคคี  สมานสามัคคีด้วยในใจสมานคู่กับไม่พูดส่อเสียด  พูดกันดีๆ  อ่อนหวาน  ตามสมควรแก่ภาษานิยม มิใช่กด มิใช่ยกยอด้วยอัธยาศัยอ่อนโยนนิ่มนวล  ไม่กระด้าง  คู่กับไม่พูดคำหยาบ  พูดมีหลักฐานที่อ้างอิง มีกำหนด มีประโยชน์ มีจบอย่างสูง   เรียกว่ามีวาจาสิทธิ์  ด้วยความตกลงใจทันท่วงที  มั่นคง  ไม่โงนเงน โลเล  คู่กับไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล  อนึ่ง มีใจสันโดษยินดีในสมบัติของตนตามได้  ตามกำลัง ตามสมควร  และมีใจยินดีด้วย  หรือวางใจเฉยๆ  ด้วยความรู้เท่าในเมื่อผู้อื่นได้รับสมบัติหรือในเมื่อเห็นสมบัติของผู้อื่น  คู่กับไม่เพ่งเล็งทรัพย์สมบัติของผู้อื่นด้วยโลภเจตนาคิดจะเอามาเป็นของตน  มีเมตตาไมตรีจิตในสัตว์ทั้งปวง  คู่กับไม่พยาบาทปองร้าย  ทำความเห็นให้ตรงเพื่อให้ถูกให้ชอบยิ่งขึ้น  คู่กับความเห็นชอบ

ธรรมตามที่แสดงมานี้มีอยู่ในบุคคลใด  บุคคลนั้นชื่อว่า ธรรมจารี  ผู้ประพฤติธรรมหมายถึงความประพฤติเรียกว่า ธรรมจริยา  ส่วนที่ตรงกันข้ามกับที่แสดงมานี้เรียกว่า อธรรม คู่กับ ทุจริต  สุจริตกับธรรมที่คู่กันเรียกอย่างสั้นในที่นี้ว่า สุจริตธรรม นอกนี้เรียกว่าทุจริตธรรม
คุ้นเคยกับสิ่งดีมีมงคล
ธรรมะ :

คุ้นเคยกับสิ่งดีมีมงคล

            การจะทำใจให้เป็นสุข ปราศจากทุกข์แม้พอสมควรขณะใกล้จะดับจิต คือการเลือกชีวิตในภพชาติให้มีความสุข  ปราศจากความทุกข์ได้พอสมควร  แต่การจะสามารถทำใจให้เป็นเช่นไรในเวลาใกล้จะดับจิตนั้น  ก็มิใช่จะทำได้ทันทีโดยมิมีความคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน  ความคุ้นเคยกับความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง  คือมีความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอๆ  หรือบ่อยๆ เนืองๆ เช่นการท่องพุทโธไว้ในใจเสมอ นั่นคือความคุ้นเคยกับพุทโธ

ความคุ้นเคยกับบุคคลใดที่เคยให้ความเมตตาอุปการะช่วยเหลือ  จะทำให้ใจนึกถึงบุคคลนั้นโดยอัตโนมัติเมื่อถึงคราวคับขัน  ความคุ้นเคยกับความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งก็เช่นกัน  อบรมไว้ให้คุ้นเคยกับความรู้สึกใด  เช่น คุ้นเคยกับอารมณ์มีพระพุทธโธ หรือคุ้นเคยกับการท่องพุทโธ เมื่อถึงเวลาคับขัน  ใจจะไม่ไปยึดมั่นเกาะเกี่ยวกับอะไรอื่นที่ไม่คุ้นเคย  แต่จะไปเกาะอยู่กับพระพุทโธที่เป็นยอมของสิริมงคลทั้งปวง ย่อมได้รับสิริมงคลนั้น  อันจักนำให้พ้นพาลภัยใหญ่น้อย  ความคุ้นเคยกับสิ่งดีมีมงคลจึงเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง

ทุกคนผ่านชีวิตในอดีตชาติมาแล้วเป็นอันมาก  นับภพชาติไม่ถ้วน  มีความคุ้นเคยกับเรื่องราวหรืออารมณ์ต่างๆ มาแล้วมากมาย  คุ้นเคยกับเรื่องราวหรืออารมณ์ใดมาก  ใจยึดมั่นผูกพันข้องติดอยู่กับเรื่องใดอารมณ์ใดมากมาแต่อดีตชาติ  ผลของความยึดมั่นผูกพันนั้นจะนำมาสู่ภพชาติปัจจุบัน  ดูภพชาติของตนในปัจจุบันก็พอจะเข้าใจว่าอดีตนั้นตนผูกพันกับเรื่องใด อารมณ์ใดมามาก ดีหรือว่าไม่ดี

ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำทานการกุศลมามากในอดีตชาติ  ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ  คือปัจจุบันชาติจะสมบูรณ์พูนสุขด้วยทรัพย์สินเงินทอง

ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการเอื้ออาทรดูแลรักษา ให้ข้าวปลาอาหาร ยารักษาโรค และเงินทองเพื่อผู้เจ็บไข้ได้ป่วยมามากในอดีตชาติ ไม่เบียดเบียนชีวิตร่างกายผู้อื่น สัตว์อื่น ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ คือปัจจุบันชาติจะสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีพลานามัยดี อันนับเป็นลาภอย่างยิ่ง

ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการระวังรักษากาย วาจา ใจของตนให้สุภาพอ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อมยกย่อง  ไม่ล่วงเกินดูหมิ่น ผูกพันเช่นนี้มามากในอดีตชาติ  ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ  คือปัจจุบันชาติจะเป็นผู้อยู่ในตระกูลสูง อันผู้อยู่ในตระกูลสูงย่อมเป็นผู้ได้รับความเคารพอ่อนน้อมยกย่อง ไม่ถูกล่วงเกินดูหมิ่น เป็นไปเช่นเดียวกับที่ตนเองได้ปฏิบัติไว้ต่อผู้อื่นเป็นอันมากในอดีตชาติ

ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการช่วยประคับประคอง รักษาชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นมามากในอดีตชาติไม่เบียดเบียนตัดรอนทำลายชีวิตอื่น  ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ คือปัจจุบันชาติจะเป็นผู้มีอายุยืนไม่ถูกตัดรอน เบียดเบียน ทำลายด้วยเหตุใดทั้งสิ้น ไม่ให้ต้องเป็นผู้มีชีวิตน้อย มีชีวิตสั้น

ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการรักษากาย วาจา ใจอยู่ในศีลบริสุทธิ์มามากในอดีตชาติ  มีจิตใจผ่องใส  ไม่เศร้าหมอง  ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ คือปัจจุบันชาติจะเป็นผู้มีผิวพรรณงดงาม หน้าตาผ่องใส เป็นที่เจริญตาเจริญใจผู้พบเห็นทั้งหลาย

ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการปฏิบัติธรรมมามากในอดีตชาติ ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ คือ ปัจจุบันชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด  ศึกษาปฏิบัติธรรมเข้าใจง่าย เจริญดีในธรรม

ผู้ที่กำลังเสวยผลของกรรมดีในอดีตชาติต่างๆ กัน เช่น ได้เกิดในตระกูลสูง หรือสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง หรือมีร่างกายแข็งแรง ไม่ถูกเบียดเบียนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หรืออายุยืน หรือหน้าตาผิวพรรณงามผ่องใส  หรือมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด พึงน้อมใจเชื่อว่าเป็นผลแห่งกรรมดีที่ได้ประกอบกระทำไว้แล้วเป็นอันมากในอดีตชาติแน่นอน และแม้ปรารถนาจะเสวยผลดีแห่งกรรมดีนั้นสืบต่อไปในอนาคต ทั้งในอนาคตของปัจจุบันชาติ และทั้งในอนาคตของภพเบื้องหน้าที่พ้นจากภพชาติปัจจุบันไปแล้ว ก็พึงตั้งใจประกอบกรรมดีอันเป็นเหตุดีต่อไปให้มั่นคงสม่ำเสมอ

ผลของกรรมดีที่ได้กระทำกันมาก ที่เป็นความคุ้นเคยกันมา แม้จะสงวนรักษาไว้ให้สืบต่อกันนานแสนนานต่อไป ก็ต้องพยายามหนีผลของกรรมไม่ดีที่ต้องได้กระทำมาแล้วทุกคนในชาติซึ่งมากมายนับภพชาติไม่ถ้วน  และกรรมนั้นกำลังตามมา
ผู้มีปัญญาย่อมไม่ประมาท
ธรรมะ :

ผู้มีปัญญาย่อมไม่ประมาท

            ชีวิตนี้น้อยนัก  คือชีวิตในภพภูมินี้ในชาตินี้น้อยกว่าชีวิตที่ผ่านมาแล้วในอดีตชาติมากมายอย่างไม่อาจประมาณได้ถูกถ้วน  ผู้มีปัญญาเมื่อมานึกถึงความจริงนี้ย่อมไม่ประมาท  ย่อมเห็นภัยที่จะตามมา  เป็นภัยที่จักเกิดแต่กรรมทั้งหลายที่ได้ประกอบกระทำไว้ด้วยตนเองในอดีตชาติที่มากมายพ้นประมาณ  ผู้มีปัญญาย่อมพยายามหนีให้พ้น  หนีให้กรรมไม่ดีตามไม่ทัน  หรือไม่ก็พยายามสร้างกำลังที่จะเอาชนะความแรงของกรรมไม่ดีให้ได้  เพื่อไม่ต้องรับผลของกรรมไม่ดีที่อาจร้ายแรง  ทำความชอกช้ำให้แก่ชีวิตได้เป็นอันมาก

ผู้ที่มุ่งแต่จะได้ในชาตินี้โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม  เป็นการทำกรรมไม่ดีเป็นส่วนใหญ่   เท่ากับให้โอกาสกรรมไม่ดีในอดีตชาติที่ได้สั่งสมไว้ให้ตามมาส่งผลทันในชาตินี้ง่ายเข้า  และส่งผลได้แรงเต็มที่ง่ายเข้า  โดยไม่มีกรรมดีเพียงพอจะช่วยเหลือยับยั้งหรือผ่อนคลายให้เบาลง  ผู้ที่ได้รับอะไรๆ ร้ายแรงต่างๆ เช่น เสียสติบ้าคลั่งอย่างไม่ทันที่จะรู้ตัว  ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงถึงเสียชีวิต  หรือไม่ก็เสียหมดทั้งครองครัว  หรือประสบความหายนะถึงสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องเศร้าโศกเสียใจจนขาดสติสัมปชัญญะ ผลของกรรมไม่ดีเช่นนี้ แม้จะติดตามทุกคนผู้ทำเหตุแห่งกรรมไม่ดีนั้นอยู่ แต่ก็อาจไม่สามารถตามทัน แม้ผู้นั้นจะพยายามวิ่งหนีอย่างเต็มสติปัญญาความสามารถ

พลังสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยให้สามารถหนีพ้นมือแห่งกรรมไม่ดีที่ติดตามตะครุบอยู่ได้และเป็นพลังที่จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก คือการนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพุทโธนึกไว้ให้คุ้นเคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ  สิ่งใดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็หมายถึงความจะไม่อาจแยกจากกันได้เลย  ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม จะสุขจะทุกข์ จะเป็นจะตาย ใจก็มีพุทโธ พุทโธ มีอยู่ในใจ

กรรมดีก็ตาม กรรมไม่ดีก็ตาม เมื่อส่งผลจะต้องมีสื่อ มีเครื่องมือ มีมือเป็นเครื่องนำให้ถึงผู้จะต้องรับผลแห่งกรรมนั้น  ทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี  เช่น คนเมาสุราขับรถพุ่งเข้าชน ผู้จะต้องรับผลแห่งกรรมก็จะถูกรถนั้นชน ถึงตาย หรือถึงพิการ หรือบาดเจ็บสาหัส ต้องเสียเงินทองรักษาพยาบาลมากมาย คนเมาสุราที่ขับรถพุ่งเข้าชนคือเครื่องมือแห่งกรรม  ซึ่งมีสุราเป็นเครื่องบังคับให้พุ่งตรงจุดหมายได้  คือให้กรรมส่งผลได้สำเร็จ หรือที่เรียกว่าให้กรรมตามทันได้  แต่แม้ผู้ที่กรรมนั้นตามอยู่  เป็นผู้กำลังวิ่งหนีกรรมไม่ดีอยู่เต็มกำลังด้วยการทำความดีต่างๆ มีการท่องพุทโธให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ เป็นต้น  พุทโธอันเป็นยอดของความดีก็จะเปรียบได้ดังพลังจิตอันแรงกล้าของนักสะกดจิต ที่จะสะกดผู้ขับรถซึ่งกำลังมึนเมาด้วยฤทธิ์สุราให้หยุดรถเสียทันทีก่อนจะทันพุ่งเข้าชนเป้าหมายที่กรรมตามอยู่  ความสวัสดีย่อมมีแก่ผู้ที่กรรมตามติดอยู่นั้นอย่างเป็นที่น่าอัศจรรย์นัก

อันกรรมไม่ดีนั้นมีคู่ที่มักจะใช้ด้วยกัน มีความหมายไปในทางไม่ดี คือ เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีสัมมาทิฏฐิย่อมไม่ปฏิเสธความเชื่อที่มีอยู่ว่าเจ้ากรรมนายเวรนั้นมี ไม่ใช่ไม่มี  เจ้ากรรมนายเวรคือผู้ที่ถูกทำร้ายก่อนและผูกอาฆาตจองเวร  แม้ไม่อาฆาตจองเวรก็ไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวร คือไม่เป็นผู้คิดร้ายไม่ติดตามทำร้ายให้เป็นการตอบสนอง หรือที่เรียกกันว่าแก้แค้น

ผู้มีสัมมาทิฐิความเห็นชอบ ประกอบด้วยสัมมาปัญญา  แม้จะไม่เห็นหน้าตาของเจ้ากรรมนายเวรแต่ย่อมไม่ประมาท ไม่ว่าเป็นสิ่งไม่มี และย่อมไม่เห็นเป็นความเหลวไหลไม่มีเหตุผล  ที่ท่านสอนให้ทำบุญอุทิศท่านผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร เช่นเดียวกับท่านผู้เป็นมารดา บิดา บุพการี ผู้มีพระคุณ ทั้งปวง อะไรที่ไม่มีทางเสียหาย มีแต่เป็นทางได้หรือเสมอตัว ผู้มีปัญญาย่อมทำ ย่อมไม่ปฏิเสธ

เหตุที่ต่างก็มีภพชาติมานับไม่ถ้วนในอดีต  ต่างก็ทำกรรมทั้งดีและไม่ดีไว้นับไม่ถ้วน เช่นกันในภพชาติทั้งหลายนั้น  เจ้ากรรมนายเวรที่ได้ไปก้ำเกินเบียดเบียนทำร้ายไว้ก็ย่อมมีไม่น้อยเช่นกัน ทำนองเดียวกับผู้เป็นมารดา บิดา บุพการี ผู้มีพระคุณ ก็ต้องมีมากมายเช่นกัน ชาตินี้แม้จะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเป็นใครต่อใครบ้าง  แต่ก็พึงยอมรับว่ามีอยู่ทั้งในภพภูมิที่พ้นความรู้เห็นของผู้ไม่มีความสามารถ และทั้งในภพภูมิเดียวกับเราทั้งหลายนี้ด้วย  ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและทั้งผู้มีพระคุณ  เมื่อจะขอโทษท่านผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร  ก็พึงทำเช่นเดียวกับเมื่อจะตอบแทนพระคุณท่านผู้มีพระคุณ  คือทำบุญทำกุศลด้วยตั้งใจจริงที่จะอุทิศให้  แล้วตั้งใจจริงบอกกล่าวให้รับรู้ ให้ยอมรับความมีเจตนาจริงใจที่จะขอโทษและตอบแทน การบอกกล่าวด้วยใจจริงต่อผู้ไม่มีตัวตนปรากฏให้เห็นเช่นนี้ ไม่ใช่ความหลง ไม่ใช่ความไร้เหตุผล แต่เป็นความปฏิบัติที่ถูกต้อง และจะได้ผล อาจพาพ้นมือแห่งกรรมไม่ดีที่ตามอยู่ได้

การทำบุญทำกุศล  แม้จะไม่ปรารถนาให้เกิดผลแก่ตนเองโดยตรง  ผลก็ย่อมเกิดเป็นธรรมดาแน่นอนอยู่แล้ว  ดังนั้นในการทำบุญทำกุศลทุกครั้ง  จึงพึงทำให้กว้างเอื้ออาทรไปถึงผู้อื่นทั้งนั้น  ที่แม้จะอยู่ต่างภพภูมิกัน  ตั้งใจอุทิศให้อย่างจริงใจ  ให้ด้วยสำนึกในความผิดพลาดก้ำเกินที่ตนอาจได้กระทำแล้วต่อใครๆ ทั้งนั้น ให้ด้วยสำนึกในพระคุณที่ได้รับจากท่านผู้มีพระคุณทั้งหลายทั้งโดยตรงและโดยอ้อม  ค่อยๆ คิด ค่อยๆ บอกกล่าวแสดงความจริงใจให้อ่อนโยนและไพเราะด้วยถ้อยคำ  จะเกิดผลยิ่งกว่าใช้ถ้อยคำและจิตใจที่ไม่ไพเราะจริงใจไม่ใช่มนุษย์เท่านั้นที่ชอบความอ่อนโยนความไพเราะจากใจจริง  ผู้ต่างภพภูมิทั้งหลายก็มิได้แตกต่างออกไป  ใจหรือจิตของมนุษย์ก็เป็นใจหรือจิตดวงเดียวกัน  เมื่อมนุษย์และชาตินี้ไปสู่ชาติอื่น ภพภูมิอื่นแล้ว พึงระลึกถึงความจริงนี้

การส่งผลของกรรมดีและกรรมไม่ดีนั้นข้ามภพข้ามชาติได้ กรรมในอดีตชาติส่งผลมาทันในปัจจุบันชาติก็มี ไปส่งถึงในอนาคตชาติก็มี  แล้วแต่ว่าผู้ทำกรรมจะสามารถหนีได้ไกลเท่าไร หรือหนีได้นานเท่าไร  นั่นก็คือ  แล้วแต่ว่าในปัจจุบันชาติ ผู้ทำกรรมแล้วในอดีตจะสามารถในการทำจิตใจ ทำบุญทำกุศล  ทำความดีได้มากเพียงไหน  เป็นกรรมที่ใหญ่ยิ่งหนักหนากว่ากรรมไม่ดีหรือไม่  การให้ผลกรรมก็เช่นเดียวกับการตกจากที่สูงของวัตถุ  สิ่งใดหนักกว่า เมื่อตกลงจากที่เดียวกันในเวลาใกล้เคียงกัน  สิ่งนั้นย่อมถึงพื้นก่อน  เปรียบดังกรรมสองอย่าง คือกรรมดีและกรรมไม่ดีกระทำในเวลาใกล้เคียงกัน  กรรมที่หนักกว่า ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมไม่ดีก็ตาม ย่อมส่งผลก่อน กรรมที่เบากว่าย่อมส่งผลทีหลัง  และย่อมส่งผลทั้งสองแน่นอนไม่เร็วก็ช้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่ชาติหน้าก็ชาติต่อไป  ต่อไป  ต่อไป อาจจะอีกหลายภพชาติก็ได้ เพราะกรรมไม่ใช่สิ่งที่จะลืบเลือนได้ด้วยกาลเวลา  นานเพียงไรกรรมก็ยังให้ผลอยู่เสมอกรรมจึงมีอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวง