“ผลการศึกษา วัดผลสำเร็จของคนไม่ได้แม้แต่น้อย” “ผลการเรียนนั้น นำมาเป็นเครื่องมือตัดสินคนไม่ได้”

วันนี้เว็บไซต์ PrettyHD จะมาอัพเดทบทความเกี่ยวกับ อัพเดทเรื่อง การบ้าน “ผลการศึกษา วัดผลสำเร็จของคนไม่ได้แม้แต่น้อย” “ผลการเรียนนั้น นำมาเป็นเครื่องมือตัดสินคนไม่ได้” วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ซึ่งมีเนื้อหามีดังนี้

“ผลการศึกษา วัดผลสำเร็จของคนไม่ได้แม้แต่น้อย” “ผลการเรียนนั้น นำมาเป็นเครื่องมือตัดสินคนไม่ได้”

แต่ เล็กจนโตทุกคนคงเคยเห็น เคยพบมาด้วยตัวเองตลอด ว่าเพื่อนๆของคุณ มีทั้งเพื่อนที่เรียนเก่ง เพื่อนที่เรียนไม่เก่ง เพื่อนที่มีลักษณะหัวแข็ง เพื่อนชอบประจบคุณครู เพื่อนที่ ไม่ยอมคุยกับคุณครู
และ หากใครมีเพื่อน ที่จำได้ หรือคบกันนานๆ หรือได้ติดต่อ หรือรู้ข่าวคราวกัน ตั้งแต่ชั้นประถม จนถึงวัยทำงาน จะพบว่า ส่วนหนึ่งเรียนเก่งในชั้นประถม แต่กลับเรียนแย่ในช่วงมหาลัย หลายคนเรียนเก่งตลอด จนจบ และบางส่วนเรียนไม่เก่งยังไง ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น อีกบางส่วน เรียนไม่เก่งชั้นประถมแต่ พอเข้ามหาลัยกลับเก่งเป็นคนละคน แบบเรียนได้ เกรดหนึ่ง เกรดสองตลอด เกือบตกทุกวิชา พอเข้ามหาลัย ได้แทบจะ สี่จุดศูนย์เลยก็มี อันนี้เรื่องจริง ยกตัวอย่างได้เลยเพื่อนผมเอง ชื่อเอ๋ ตอนประถม ได้เกรดเฉลี่ยหนึ่งกว่าๆ พอเข้ามหาลัย มีเทอมนึง ได้สี่จุดศูนย์ศูนย์ ตอนนี้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ siamdora.com และก็เพื่อนผมอีกนั่นแหละ ที่ตอนประถมเรียนดี ถึงขนาดอาจารย์รู้จักทั้งโรงเรียน ทำกิจกรรมทุกอย่าง แถมมีพรสวรรค์ วาดรูปได้ลงหนังสือ ที่พิมพ์จำหน่ายทั่วประเทศไทยด้วย (แต่ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้) แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเรียนจบรึยัง หรือทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ เรามาลองสังเกตุ และแยกแยะเพื่อหาเหตุผลกัน ว่าเด็กเรียนเก่ง หรือไม่เก่ง เป็นเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ ไม่เกี่ยวกับ IQ แน่นอน
เรียนเก่งเพราะกลัวความคาดหวังของคนอื่น
เด็ก กลุ่มนี้ กลัวว่าอาจารย์จะดุ กลัวพ่อแม่ดุ หรือกลัวความคาดหวังของคนอื่น ที่มีต่อตัวเอง และเรียนเพื่อให้สังคม หรือเพื่อนๆยอมรับ สิ่งเหล่านี้ เป็นแรงขับให้เด็กกลุ่มนี้เรียนเก่ง แต่เค้าคงไม่รู้หรอกว่า เค้าเรียนไปเพื่ออะไร
เรียนไม่เก่งเพราะรู้จักตัวเองตั้งแต่เด็กและปราศจากความกลัว
เด็ก กลุ่มนี้จะประสบผลสำเร็จอย่างสูง ในอนาคต และจะประสบผลสำเร็จได้รวดเร็ว พวกเค้ารู้ว่าตัวเอง ต้องการอะไร ตั้งแต่อายุยังน้อย และอยากจะทำมันตั้งแต่วันนั้นเลย
เรียนเก่งเพราะรู้จักตัวเองตั้งแต่เด็ก
กลุ่มนี้ จะเรียนเพราะรู้ว่าเรียนเพื่ออะไร มีความเข้าใจในระบบสังคม และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และรู้ว่า เค้าเรียนไปเพื่ออะไร
เรียนไม่เก่งเพราะยังเด็กไม่ได้คิดอะไร
กลุ่ม นี้ก็เติบโตตามวัย เป็นปรกติ ใช้ชีวิตสมวัยเด็ก และยังคาดเดาไม่ได้ ว่าโตขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทางไหน เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เค้าต้องคิด
เรียนเก่งโดยธรรมชาติ
อัน นี้ไม่ทราบจะอธิบายยังไงเหมือนกันครับ เพราะสมองของคนเรา ไม่เท่ากัน และไม่เท่ากันจริงๆนะครับ ตอนผมนั่งเรียนเรื่อง Neuron network (โครงข่ายใยสมอง) อาจารย์บอกว่า ถ้าสมองของคนเราเท่ากันจริง นั่นหมายความว่า คนที่มีรางกายเล็กที่สุด จะต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุด ซึ่งไม่จริงครับ
เรียนไม่เก่งเพราะสภาพแวดล้อม
อันนี้ก็ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างประกอบกันครับ และสภาพแวดล้อม ก็ทำให้เด็กเรียนเก่งได้ด้วยเช่นกัน
เรียน ไม่เก่ง เพราะเก่งเกินกว่า หลักสูตรจะวัดผลให้ตัวเค้าได้ หากผมจำไม่ผิด ตอนเด็กๆเคยดูการ์ตูนเรื่องราวชีวิตของ โทมัส อัลวา เอดิสัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลอดไฟได้ เป็นคนแรกของโลก รวมถึงเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรม มากมาย ก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่ง กลับกลายเป็นคนแปลกเสียด้วยซ้ำ ในการ์ตูนที่ผมได้ดู เอดิสันตอนเด็ก ถามคุณครูว่า “ทำมัยผีเสื้อถึงบินได้ครับ?” คุณครูก็หัวเราะ แล้วตอบว่า เพราะมีปีก ก็เลยบินได้ไงจ๊ะ เอดิสันถามต่อว่า “ทำมัยมีปีกถึงบินได้?” คุณครูตอบว่า อย่างนกมีปีก ก็บินได้จ่ะ ผีเสื้อก็มีปีก ก็บินได้เหมือนกัน แล้วก็มองว่า เอดิสัน ช่างเป็นเด็กที่ หัวอ่อน ตามไม่ทันเด็กนักเรียนคนอื่นจริงๆ ผมมองๆ ก็เดาไม่ออกว่าในใจ เอดิสัน กำลังต้องการคำตอบแบบไหน แต่คาดว่า คนที่จะมาตอบคำถาม เรื่องผีเสื้อทำมัยบินได้ของเอดิสัน ให้เค้าเข้าใจ คงจะมีแต่สองพี่น้องตระกูลไรท์ ที่ร่วมกันคิดค้นเครื่องบินเท่านั้น
จริงๆมีหลายเหตุผล แต่จะขอยกตัวอย่างแค่นี้นะครับ เพราะหัวใจของเรื่องนี้คือ
ผล การเรียนนั้น ได้ผลมากจากเครื่องมือวัด ซึ่งเครื่องมือวัดผล คือ หลักสูตร และตัวบุคคล นั้นก็คืออาจารย์ เครื่องมือวัด ย่อมต้องมีเปอร์เซ็นผิดพลาด Multi-meter ก็ยังมีเปอร์เซ็นผิดพลาดแจ้งไว้ แต่ อาจารย์กับหลักสูตร ไม่เคยแจ้งเปอร์เซ็นผิดพลาดของตัวเอง วัดตัวเองยังไม่ได้ จะเอาไปวัดคนอื่นได้ยังไง หากเอาหลักสูตรทีวัดตัวเองไม่ได้พวกนี้ ไปวัดคนอย่างเช่น เอดิสัน, ไอสไตล์ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอา Multi-meter ตัวเล็กๆ ไปวัดคล่อม กระแสไฟฟ้า High voltage ซึ่งผลก็คือได้ค่าเท่ากับ 0 (เพราะ meter ขาด เข็มไม่กระดิก)
“ผลการเรียนนั้น นำมาเป็นเครื่องมือตัดสินคนไม่ได้”

ที่มา http://www.unigang.com/Article/6855

หากต้องการทราบการอัพเดทของ การบ้าน “ผลการศึกษา วัดผลสำเร็จของคนไม่ได้แม้แต่น้อย” “ผลการเรียนนั้น นำมาเป็นเครื่องมือตัดสินคนไม่ได้” และเรื่องที่เกี่ยวข้อง แนะนำให้กด ที่ facebook ด้านล่างนี้เลยค่ะ เผื่อที่จะได้อัพเดทก่อนใคร

อัพเดทเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ในหมวดหมู่ของ การบ้าน เรื่อง การบ้าน “ผลการศึกษา วัดผลสำเร็จของคนไม่ได้แม้แต่น้อย” “ผลการเรียนนั้น นำมาเป็นเครื่องมือตัดสินคนไม่ได้”