สร้างรูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ ด้วย CSS3
หัวข้อนี้จะทำให้คุณผู้อ่านรู้จักกับการสร้างรูปทรงเรขาคณิตอย่างง่ายๆ โดยมีโค๊ดตัวอย่างการทำงานมาให้นำไปลองเล่นดูกันด้วย การนำ CSS3 เข้ามาใช้งานสำหรับผู้พัฒนาเว็บนั้น จะช่วยในเรื่องของการกินทรัพยากรของเว็บได้พอสมควร เพราะแทนที่จะใช้ไฟล์รูปภาพ แต่เมื่อนำเอาเทคนิค การสร้างรูปด้วย CSS3 ไปใช้แล้ว จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนในเรื่องของการประหยัดพื้นที่และการโหลดข้อมูล
คาถาเงินล้าน ทำมาค้าขึ้น คาถาในการเรียกทรัพย์
คาถาเงินล้าน ทำมาค้าขึ้น คาถาในการเรียกทรัพย์ วันนี้ผมได้ลองใช้คาถาเงินล้านดู และดูผลว่าจะเป็นอย่างไรครับ



ผมไม่เชื่อว่าการสวดมนต์ แล้วไม่ทำมาหากิน แล้วจะรวยมีเงินใช้ หลายคนก็คงไม่เชื่อ มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่าจริงหรือไม่ คือการพิสูจน์ การพิสูจน์ต้องทำตามสูตร เพราะจะเห็นผลเร็ว ผมขอเล่าเลยละกัน ผมอ่านเจอ พระคาถาเงินล้านในตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าสวดแล้วจะมีเงินใช้ ผมเริ่มสวดแรกๆ ยากมากเพราะเป็นภาษาบาลี อ่านไม่เข้าใจ ต้องท่องจำ อีกอย่างไม่รู้ว่าออกเสียงถูกหรือไม่

ผมก็เลย ไปหาเสียงสวด จากเว็บ ต่างๆ เพื่อออกเสียงที่ถูกต้อง จากนั้นเริ่มสวด ด้วยการตั้ง นะโม 3 จบ เสร็จแล้วก็ว่าพระคาถาเรื่อยๆ สวดอยู่หลายวัน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่เกิดขึ้นคือ สวดได้คล่องขึ้น พอเริ่มสวดไปอีกสักระยะก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนกระทั้งมารู้ว่า ผู้สวดต้องรักษา ศีล 5 ให้บริสุทธิ์ จากนั้นผมก็เริ่มรักษาศีล 5 แต่ความลับจริงๆ ของพระคาถาเงินล้านไม่ใช่แค่การรักษาศีล เท่านั้นแต่ต้องรู้จักการให้ทานด้วย ผมเริ่มใส่บาตรในตอนเช้าที่มีโอกาส ก่อนใส่บาตรก็ว่าพระคาถา 9 จบ แล้วจึงใส่บาตร

และทำบุญอื่นๆ เช่นการ ใส่เงินในตู้ ค่าน้ำค่าไฟวัด ตามกำลังศรัทธา การให้เงินขอทาน เป็นตน จากนั้นก็เริ่มมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น คือเงินเริ่มไหลมา แบบแปลกๆ หลายช่องทาง บางครั้งก็ประหลาดใจ จิงๆว่าเงินมาจากไหน บางครั้งสั่งสินค้า แล้วได้สินค้าเกิน บางครั้งล่วงกระเป๋าแล้วเจอเงิน บางครั้งก็ได้ลาภลอย พยายามกลับมานั่งคิด ว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะอะไร หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจเกิดขอสงสัยคิดว่า ผมอาจลืมเงินในกระเป๋า หรือ อาจเป็นการนับสินค้าผิดพลาดของผู้ส่ง ที่คุณคิดก็อาจเป็นไปได้ แต่ผมลองมาหาข้อมูลในเว็บ ค้นหาคำว่า"ประสบการณผู้สวดพระคาถาเงินล้าน"

ทำให้ผมเจอเรื่องแปลกๆ กว่าผมซะอีก ผมจึงเชื่อว่า ผลพระคาถาเงินล้านมีอยู่จริง แต่การสวด อยากให้ได้ผลเร็วต้องนั่งสมาธิด้วย สูตรการสวดพระคาถาคือ ต้อง ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา คือการนั่งสมาธิ หรือสวดในสมาธิด้วยก็ได้ครับ อยากให้ผู้อ่านลองดูนะครับ อย่าเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตนเองนะครับ ขอจบการเล่าประสบการณ์ การสวดพระคาถาเงินล้าน แต่เพียงเท่านี้นะครับ

ขอบคุณประสบการ์ณของคุณ พระสูตรแห่งใจ
http://pantip.com/topic/31135706
ดูหนังออนไลน์ เรื่อง Amazing Spider 2 ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า สนุกดี
ดูหนังออนไลน์ เรื่อง Amazing Spider 2 ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า สนุกดี
หลังจากวันนี้ได้ไปดูหนังเรื่องนี้มา เรื่องของเอฟเฟกหนัง ทำดีมากเลย เรื่องของการดำเนินเนื้อเรื่่องก็เยี่ยม แต่เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าขาดอะไรไป อยากฉากที่ต้องซึ้งหรือน้ำตาซึม ก็ไม่ซะทีเดียว สรุปเรื่องนี้ ให้ 3 เต็ม 5 คะแนน


ถึงแม้ว่า The Amazing Spider-Man จะเป็นการรีบูตเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ฝั่งมาร์เวลที่ครองใจคนดูทั้งโลกจนแทบจะขึ้นแท่นซูเปอร์ฮีโร่อันดับต้นๆ น้อยคนนัก จะไม่รู้จักกับ "ไอ้แมงมุม" อย่างไรก็ตามผลงานของหนังภาคแรกกลับโดนโจมตีค่อนข้างหนัก เมื่อมันถูกนำไปเปรียบเทียบกับผลงานการกำกับของ แซม เรมี่ กับ Spider-Man นำแสดงโดย โทบี้ แมคไกวร์ ซึ่งแพคเกจคู่มากับวรรคทอง "อำนาจอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง" ที่ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวของคนที่โตมากับหนังในยุค 2000 

Spider-Man ภาคที่ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดก็คือ Spiderman 2 ซึ่งหนังภาคนี้ยังคว้ารางวัลออสการ์สาขาวิชวลเอฟเฟค มานอนกอด 1 รางวัลด้วย อย่างไรก็ตามที Spiderman 3 ก็กลับโดนด่าจากนักวิจารณ์และผู้ชมถึงประเด็นเรื่องตัวร้ายที่มีจำนวนเยอะจนเกินไป เพราะมีทั้ง แซนด์แมน, วีนอม และ กรีน ก๊อบลิน อัดแน่นเต็มไป อีกทั้งยังเป็นภาคแรกที่ตัวละคร "เกวน สเตซี่" ปรากฏตัวอยู่ในเรื่องเป็นครั้งแรกและเดินเรื่อง “ไม่ตรง” ตามหนังสือการ์ตูนเลยสักนิดเดียว  


ในปี 2012 The Amazing Spider-Man เป็นการหยิบเอาสไปเดอร์แมนเอามารีบูตเรื่องราวใหม่ โดยพยายามให้โครงเรื่องมีความใกล้เคียงกับตัวหนังสือการ์ตูนมากที่สุด ซึ่ง ปีเตอร์ พาร์คเกอร์(แอนดรูวส์ การ์ฟิลด์) ยังเป็นนักเรียนไฮสคูล ระหว่างที่เขากำลังพยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อตัวเองอย่าง ริชาร์ด พาร์คเกอร์(แคมป์เบลล์ สกอตต์) โดยการเดินทางเข้าไปยังบริษัทออสคอร์ป ทว่าระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นปีเตอร์ได้พลัดหลงเข้าไปในห้องทดลองจนโดนแมงมุมกัดและทำให้เขามีพลังพิเศษสามารถปล่อยใยแมงมุมและมีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติ แต่แล้วดร.เคิร์ท คอนเนอร์ได้ทำการทดลองจนทำให้ตัวเองกลายร่างเป็นกิ้งก่า ร้อนถึงสไปเดอร์แมนที่ต้องออกมาปราบวายร้ายตนนี้ 

ปัญหาของหนังภาคแรกอยู่ตรงที่ว่า หนังเกริ่นประเด็นเยอะแยะมากมายเอาไว้จนหนังดูเนิบนาบและน่าเบื่อพอสมควร การปูเรื่องเหตุการณ์ต่างๆดูไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่ แต่โชคดีอยู่ไม่น้อยที่เคมีระหว่างคู่พระนางของเรื่องอย่าง แอนดรูวส์ การ์ฟิลด์ ดันคลิ๊กกับ เอ็มม่า สโตน จนสปาร์คกันนอกจอพวกเขาก็ได้คบหาเป็นหวานใจของกันและกัน


The Amazing Spider-Man 2 ก็ยังไม่สามารถเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความล้ำลึกสักเท่าไหร่ จริงอยู่ที่ผู้กำกับอย่างมาร์ค เว็บบ์ นั้นเคยกล่าวเอาไว้ว่า "The Amazing Spider-Man นั้นจะเน้นความเป็น "วัยรุ่น" ของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์เป็นหลัก ดังนั้นพวกคุณจึงควรเลิกเอาหนังของผมไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่าได้แล้ว" ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่ามันเทียบได้หรือไม่ได้ ทว่าเรื่องของเรื่องก็คือการเขย่าเรื่องราวหลักและรองในหนังภาคที่ 2 นี้่ ยังหาจุดลงตัวของเรื่องไม่เจอ เนื่องจากตัวหนังมีซับพล็อตปลีกย่อยที่เยอะแยะเต็มไปหมด ประหนึ่งว่าผู้กำกับเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องเลยยัดทุกประเด็นเข้ามาหมด จนตัวหนังลากยาวไปถึง 142 นาที ซึ่งยาวที่สุดในประวัติศาสตร์หนังตระกูล Spider-Man ทุกภาคเลยก็ว่าได้ 

แม้วายร้ายตัวหลักของหนังภาคนี้อาจจะเน้นไปที่ตัว อิเล็กโตร (เจมี ฟอกซ์) แต่การกระจายบทให้วายร้ายตัวรองอย่าง กรีน ก๊อบลิน(เดน เดอฮาน) และ ไรห์โน (พอล จิอาแมตติ) ดูเป็นความพยายามที่ "เกินพอดี" เพราะทำให้หนังเหมือนกับมีไคลแมกซ์ 3 รอบ (ซึ่งทำให้ผู้ชมเหมือนหาจุด "ฟิน" ไม่เจอ ว่าสรุปแล้วนี่หนังมันใกล้จะจบหรือยัง เอ๊ะนี่มันก็เหมือนจบไปแล้วนี่ ทำไมมันยังมีต่ออีกยาวเลยล่ะ อะไรแบบนี้) 

ยิ่งไปกว่านั้นความพยายามที่จะทำให้สไปเดอร์แมนภาคนี้มีความ "เกรียน" มากขึ้น กลับยิ่งทำให้เรารู้สึกถึง "ความพยายาม" ในการแสดงให้ตลกของแอนดรูวส์ การ์ฟิลด์ที่ดูประดิษฐ์จนแห้งแล้งความเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์แบบในภาคแรก 



ความสัมพันธ์ระหว่างปีเตอร์ พาร์คเกอร์และเกวน สเตซี่ในภาค 2 นี้เราคงต้องนิยามให้ว่านี่คือสภาวะ "เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก" กันอย่างแท้จริง เนื่องจากสัญญาที่ปีเตอร์ที่ให้ไว้กับพ่อของเกวน ว่าจะไม่ดึงเธอเข้ามาพัวพันกับอันตราย และคำมั่นที่เขาเคยให้ไว้กับพ่อของเกวนก็ตามหลอกหลอนตัวเขาเองอยู่เรื่อยมา ความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆนี้เองที่ทำให้เขาเลือกจะ "ถอย" จากเกวนหลายครั้ง จนตัวเกวนทนไม่ไหวและตัดสินใจบอกเลิกกับปีเตอร์ด้วยตัวเธอเอง 

จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ลุ่มๆดอนๆนี้ยังเป็นผลที่ทำให้ปีเตอร์คิดทบทวนถึงความเหมาะสมในการใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่นตลอดเวลา เมื่อเขามองย้อนกลับมาที่ตัวเอง อดีตการตายอันดำมืดของพ่อและแม่ทำให้ปีเตอร์ค้นหาความจริงและค้นพบว่า "สิ่งที่พ่อเหลือไว้" คือความยิ่งใหญ่ทางพันธุกรรมและอาจจะเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวหากสิ่งดังกล่าวตกไปอยู่ในมือคนชั่ว 


เหตุการณ์ย่อยๆในหนังภาคนี้ที่เราได้เห็นอาทิเช่น การเคลื่อนไหวภายในองค์กรออสคอร์ป(ทั้งคนในองค์กร, การหักหลังชิงดีชิงเด่น, สิ่งที่องค์กรนี้พยายามปกปิดซุกซ่อน), กะเทาะเปลือกตัวละครต่างๆอาทิ ปีเตอร์, เกวน, เฮนรี่ ออสบอร์น, ป้าเมย์ ให้เราเห็นถึงสภาวะที่ไม่มั่นคงทางอารมณ์ของพวกเขา, ความลับของพ่อและแม่ปีเตอร์, เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด (ปีเตอร์และแฮร์รี่) ซึ่งประเด็นที่มากมายเหล่านี้ถูกจับยัดเข้ามาในหนังจนยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเต็มไปหมด คอการ์ตูนคอมมิกซ์อาจจะฟิน แต่บรรดาคอหนังอาจจะรู้สึกจุกจนสำลัก 

อย่างไรก็ตามทีฉากต่อสู้ในเรื่องอาจจะน่าจดจำน้อยกว่าฉากกล่าวสุนทรพจน์ของเกวน สเตซีที่เธอกล่าวไว้ในวันจบการศึกษาและถูกหยิบนำมาพูดอีกครั้งในตอนจบ ซึ่งเธอว่าเอาไว้โดยสรุปดังนี้ "อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นสำคัญที่สุด จงอย่างให้ชีวิตเพื่อคนอื่น แต่จงทำตัวเองให้มีคุณค่าเพื่อบางสิ่งอย่าง สู้เพื่ออะไรบางอย่าง และไม่ว่าคุณจะล้ม แต่อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำมันและก็คุ้มค่ากับการใช้ชีวิตแล้ว"  

อย่างน้อย เกวน สเตซี่ ก็พิสูจน์ให้เราเห็นว่า ถึงแม้ชีวิตเราจะสั้นแค่ไหนก็ตาม จงมีความสุขกับ "วันนี้" มากกว่า "พรุ่งนี้" 

ยกให้ 3 คะแนนจาก 5 คะแนน 
@พริตตี้ปลาสลิด